| เช็คสถานะสินค้า |รถเข็น (0)
| สมัครสมาชิกผู้ซื้อ
| แจ้งปัญหาการใช้งาน
เข้าสู่ระบบ



Stem Cell คืออะไร?

Stem Cell คืออะไร?

stem cell คือเซลล์ต้นกำเนิดที่จะเจริญเติบโตไปเป็นเซลล์อื่นๆ ทั่วร่างกาย และเป็นความหวังของมนุษย์ในอนาคต เพื่อที่จะต่อชีวิตให้ยืนยาวได้...ก่อนที่เราจะมารู้จักกับเซลล์ต้นกำเนิดของพืช (Phyto Stem Cell) เรามาเรียนรู้กันก่อนว่า "เซลล์ต้นกำเนิด" (ต่อไปจะเรียกว่า Stem cell) คืออะไร

ต้นกำเนิดของ Stem cell

     

1.เมื่ออสุจิของเพศชายผสมกับไข่ของผู้หญิง (หรือเกสรตัวผู้ผสมกับเกสรตัวเมีย – ในพืช) เราเรียกปฏิกิริยาตอนนี้ว่า การปฏิสนธิ (Fertilization) หลังจากนั้นรังไข่ที่ถูกผสมแล้วจะแบ่งตัวเองเป็นเซลล์หลายเซลล์

2.จนเวลาผ่านไป 5 วัน ตัวอ่อนจะแบ่งเซลล์ถึงประมาณ 80 - 100 เซลล์ และเจริญเป็นตัวอ่อนระยะบลาสโตซิสท์ (Blastocyst)

3.และภายในบลาสโตซีสจะมีการหนาตัวขึ้นมาของเซลล์ เราเรียกเซลล์กลุ่มนี้ว่า Inner cell mass ซึ่งก็คือ เซลล์ต้นกำเนิด (Stem cell) นั่นเอง

     

สรุปได้ดังนี้    
เซลล์พวกนี้จะเจริญเติบโตต่อไปเป็นเนื้อเยื่อต่างๆ ทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเซลล์ผิวหนัง เซลล์ประสาท เซลล์ตับ หัวใจเป็นต้น

 

แต่... ประเด็นที่สำคัญก็คือ Stem cell นี้สามารถจะเจริญเติบโตไปเป็นอวัยวะทั้งส่วนได้ – นี่จึงเป็นความหวังของมนุษย์ชาติ ซึ่งเชื่อกันว่าในอนาคต เราสามารถที่จะใช้ Stem cell นี้ในการสร้างอวัยวะทดแทนขึ้นมาได้ เมื่ออวัยวะส่วนนั้นเสียหายอันเกิดมาจากอุบัติเหตุ หรือจะเป็นมะเร็งก็ตาม

คุณประโยชน์ของ "สเต็มเซลล์" (STEM CELL)

 

“สเต็มเซลล์ (Stem Cell) หรือที่เรียกว่าเซลล์ต้นกำเนิด เป็นเซลล์อ่อนที่พร้อมจะเจริญเติบโต แบ่งตัวเองขึ้นมาใหม่ และเปลี่ยนแปลงเพื่อไปทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่ง เซลล์แต่ละเซลล์ในร่างกายของมนุษย์จะทำหน้าที่จำเพาะอย่างใดอย่างหนึ่งโดย ไม่ย้อนกลับมา ซึ่งเซลล์ที่พัฒนาไปจนสุดทางจนเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจง
ตัวอย่างเช่น เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ หรือเซลล์สมอง เซลล์เหล่านี้เมื่อตายไปแล้ว จะไม่มีเซลล์ใหม่มาทดแทน ในขณะเดียวกันร่างกายของคนเราก็ยังมีเซลล์อีกกลุ่มหนึ่งที่สามารถเติบโตได้อีก โดยสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิดพวกนี้สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงได้” นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ

 

เซลล์ต้นกำเนิด

เซลล์ต้นกำเนิดที่สามารถขยายแตกหน่อสร้างเป็นเซลล์ลูกได้
เรียกเป็นภาษาไทย  "เซลล์ต้นกำเนิด" มีคุณสมบัติเด่น 2 ประการคือ:-

- สามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวนได้และ
- สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์ชนิดอื่นได้

ดัง นั้น Stem cell จึงเป็นเซลล์ที่ไม่มีความเฉพาะเจาะจงสามารถแบ่งตัวเองได้อย่างไม่จำกัดนอกจากนี้ยังสามารถเข้าไปทดแทนเซลล์ที่กำลังเสื่อมสลายได้อันเนื่องมาจากสาเหตุต่างๆ ...
และเราจะพบเซลล์พวกนี้ได้ที่ไหน?
เราสามารถพบเซลล์พวกนี้ได้ในระยะบลา สโตซิส (Blastocyst) ซึ่งเป็นเซลล์กลุ่มแรกที่เริ่มพัฒนาขึ้นมาภายหลังการปฏิสนธิระหว่างตัวอสุจิและรังไข่เซลล์พวกนี้อยู่ในชั้น Inner cell mass ดังนั้นจึงถือได้ว่า
เป็นเซลล์ต้นกำเนิดของเซลล์ทุกชนิดในร่างกายแต่...ประเด็นที่สำคัญยิ่งก็คือ -- เมื่ออายุมากขึ้น เซลล์กลุ่มนี้ก็จะค่อยๆหายไป
และ พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปเป็นอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกายเซลล์ต้นกำเนิดประเภทนี้
นักวิทยาศาสตร์เรียกกันว่า -- Embryonic Stem Cell (ES Cell) จากนั้น
ใน ปี พ.ศ. 2541 นักวิทยาศาสตร์สามารถเพาะ ES cell ขึ้นมาได้ในห้องทดลอง โดยเพาะมาจากเซลล์ตัวอ่อนของมนุษย์และเซลล์สืบพันธุ์และสามารถพัฒนาขึ้นมาเป็นสายพันธุ์ของเซลล์ได้สำเร็จ
ในปีพ.ศ. 2544 เซลล์ต้นกำเนิดจากตัวอ่อนก็ถูกพัฒนาโดยนำไปเพาะพันธุ์เป็นเซลล์เม็ดเลือดแดงได้สำเร็จเป็นครั้งแรก -- จากจุดนี้เองที่นับว่าเป็นความก้าวหน้าอันสำคัญยิ่งของงานวิจัยทางการแพทย์ซึ่งจะสามารถนำไปใช้ในรักษาโรคต่างๆได้อีกมากมาย

ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ได้ใช้เซลล์ต้นกำเนิด 2 ชนิด เพื่อนำมาทดลองวิจัย

1. เซลล์ต้นกำเนิดจากตัวอ่อน (ES Cell)
2. เซลล์ต้นกำเนิดในผู้ใหญ่ (Adult Stem Cell)

                         เซลล์ต้นกำเนิดในผู้ใหญ่นี้ได้มา จากร่างกาย และมีความสามารถในการแบ่งตัวได้น้อยกว่า ES cell แต่สามารถพบได้ในอวัยวะหลายชนิดในร่างกาย โดยเฉพาะในเนื้อเยื่อที่มีการสร้างเซลล์ทดแทนอยู่ตลอดเวลา เช่น เซลล์ผิวหนัง เซลล์ไขกระดูก (ผลิตเม็ดเลือดแดง) เซลล์เยื่อบุทางเดินอาหาร เซลล์สมอง เซลล์ประสาทและเซลล์หัวใจเป็นต้น แต่จุดที่ต่างจากจาก ES cell อย่างมากก็คือ เซลล์ต้นกำเนิดในผู้ใหญ่นี้ จะสามารถสร้างทดแทนอวัยวะได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ในขณะที่ ES cell สามารถจะสร้างทดแทนอวัยวะได้ทั้งหมด..
ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ได้นำเซลล์จากรกของคน ซึ่งพบว่า มีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับ ES cell มากและสามารถเติบโตซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสลายไปได้เป็นอย่างดี โดยนำมาสกัดผ่านกระบวนการทางชีวะภาพ จนได้เป็นสารสกัดที่บริสุทธิ์ และนำมาฉีดเข้าสู่ร่างกาย พบว่าสามารถช่วยให้คนไข้ที่ป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน หรืออัลไซเมอร์ (เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมของเซลล์ประสาทและเซลล์สมอง) มีอาการดีขึ้นอย่างมาก และที่สำคัญก็คือ ช่วยให้ผิวพรรณที่เสื่อมโทรมลงตามวัยสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้
เมื่อเร็วๆ นี้ นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ก้าวหน้าขึ้นมาอีกขั้น ด้วยการนำเซลล์ตัวอ่อนที่ได้จากเซลล์ของพืช พัฒนาขึ้นมาและได้นำไปทดลองใช้กับผิวหนังของสัตว์ทดลอง พบว่า สามารถซ่อมแซมผิวหนังส่วนที่เสื่อมโทรมได้ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินได้อย่างมีประสิทธิภาพ!
คาดว่า ในอีกไม่กี่ปี เราคงจะได้สัมผัสกับนวัตกรรมนี้ ซึ่งแน่นอนว่า ในโลกของความงาม พวกเราคงจะได้ยินชื่อนี้กันตลอด
-- อย่ากระพริบตา ในอนาคตอันใกล้นี้ พวกคุณอาจจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้เข้าถึงนวัตกรรมนี้ --
โดยทีมงานวิจัยเบร คอสเมติก แลบ

            นวัตกรรม เพื่อคุณ ข้อมูลจาก.phytostemcell.com

เปรียบเทียบข้อดี - ข้อเสีย
ระหว่าง Stem cell จากพืช (Phyto Stem Cell) และ Stem cell ที่สกัดจากรกเด็กและรกสัตว์

เปรียบเทียบ

STEM CELLจากพืช

STEM CELL จากรกเด็กและสัตว์

แหล่งที่มา

ทุกส่วนของพืช

จากรกเด็กทารกและสัตว์

โอกาสแพ้

แพ้น้อย

แพ้มาก เพราะมีส่วนผสมสิ่งแปลกปลอม 
ของร่างกาย

ความปลอดภัย

สูง เพราะขั้นตอนการเตรียมไม่ยุ่งยาก 
สามารถทำให้บริสุทธิ์ได้ (Purity)

สูง แต่ต้องเตรียมให้บริสุทธิ์ ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยี่ที่สูงมาก ถ้าเทคโนโลยี่ไม่ดี มีโอกาสติดเชื้อที่มากับรกได้สูง

ผลข้างเคียง

ต่ำ ไม่มีปัญหาเรื่องฝ้า

สูง โดยเฉพาะเรื่องฝ้าที่เกิดขึ้น เมื่อใช้ไปสักระยะหนึ่ง เพราะในรกจะมีฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นตัวสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้า

โอกาสติดเชื้อ

น้อย

สูง โดยเฉพาะจากเชื้อ HIV  และเชื้อวัวบ้า-ปัจจุบันยังไม่มีวิธีทำลายเชื้อวัวบ้าให้ตายได้

ประสิทธิภาพในการกระตุ้นSkin stem cell

ปานกลาง

ปานกลาง

การนำมาใช้
ทางคอสเมติก

สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสารออกฤทธิ์ตัวอื่นได้ โดยแทบจะไม่มีผลต่อการออกฤทธิ์

น้อย เพราะโปรตีนที่อยู่ในรก จะจับกับสารบางตัว ทำให้คุณสมบัติลดลงทันที

ปัญหาด้านจริยธรรม

ไม่มี

สูง โดยเฉพาะรกที่ได้จากคน 
– การทำแท้งที่ผิดกฏหมาย

ราคา

ถูก

สูง ถ้าทำให้บริสุทธิ์ จะมีหลายขั้นตอนมาก

ทางด้านกฏหมาย  

ไม่ผิดกฏหมาย

ห้ามขาย Stem cell ที่ได้จากคนและวัว

PhytoCellTec™ Malus Domestica (Apple Stem Cell Extract) เป็น stemcell ของแอปเปิ้ล สายพันธุ์ switzerland (Uttwiler Spatlauber) และ PhytoCellTec™ Solar Vitis PhytoCellTec™ เป็นสเต็มเซลล์ขององุ่น นอกจากนี้ยังมี บลูเบอรี่ (Blue Berry) อาไซอิ เบอรี่(Acai Berry) ซึ่งทั้งหมดถูกบรรจุรวมอยู่ใน Double stemcell เพื่อให้สามารถซึมสู่เซลล์ ช่วยบำรุงผิวจากภายใน บำรุงให้เซลล์ของร่างกายมีอายุยืนยาวขึ้น ซึ่งเป็นผลทำให้ชะลอเวลาอายุของผิวได้ ให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์ และมีสุขภาพที่ดี

 




ดู 316 | เริ่ม 25 ต.ค. 2556 15:02:56 | IP 118.172.24.1xx